เดินสะดุด-หัวโขก ลุงตู่เจอ 2 เด้ง คํารามอยู่ครบเทอม เปิดไทม์ไลน์กฎหมายลูก

แชร์

Loading

“บิ๊กป้อม” อุบไต๋ไม้เด็ด “บัตรเครดิตเกษตรกร” นโยบายเรือธง พปชร.หาเสียง ย้อนถามสื่อรู้ได้ อย่างไร “ชลน่าน” ปัดบิ๊กเนม พปชร.ไหลกลับ พท. “พี่โทนี่” เหน็บ “ลุงตู่” ถนัด ขึ้นชิงช้าให้คนโล้ เย้ยพรรคจัดตั้ง “ไทยสร้างสรรค์” ของ “ปลัดฉิ่ง” หืดขึ้นคอ “วิษณุ” เผยไทม์ไลน์กฎหมายลูกประกาศใช้ ก.ค.65 เตือนรอรับแรงกดดัน ยุบสภาฯไว้ได้เลย “บิ๊กตู่” สะดุดหัวบันไดกลาโหม ซ้ำหัวโขกขอบประตูรถอีกรอบ ประกาศชัดจะอยู่ครบเทอม โฆษกกระจกเงาขอรับบริจาคไอโฟน 7 จาก สลน. “นัทรียา” ยินดีบอกให้ทำหนังสือมา

การเมืองปรับเข้าสู่โหมดนับถอยหลังเข้าสู่การเลือกตั้งใหญ่ เหลือเพียงการแก้ไข พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งแต่ละพรรคทั้งฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน ต่างเตรียมพร้อมนำเสนอนโยบาย สำหรับหาเสียงเพื่อรับศึกเลือกตั้งที่จะมีขึ้น

“บิ๊กป้อม” อุบไต๋แจกบัตรเครดิตเกษตร

เมื่อเวลา 11.20 น. วันที่ 24 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวมีการแจกนโยบายสำหรับเตรียมการเลือกตั้ง ใหญ่ที่จะมาถึง โดย พล.อ.ประวิตรย้อนถามสื่อว่า “คุณรู้ได้อย่างไร ผมยังไม่ได้บอกคุณเลย คุณไปถามคนให้ข่าวสิ ผมไม่รู้เรื่อง” เมื่อถามย้ำว่านโยบายพรรคพร้อมสู่การเลือกตั้งแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า พร้อมตั้งแต่ตั้งพรรคแล้ว เมื่อถามถึงกระแสข่าวนโยบายแจกบัตรเครดิตเกษตรกรประชารัฐถูกใจ วงเงิน 5 หมื่นบาทต่อครอบครัว พล.อ.ประวิตรตอบว่า ยังไม่ทราบ ต้องไปถามกระทรวงการคลัง ถามตนไม่ได้เพราะไม่รู้ เมื่อถามว่า นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุว่าเสถียรภาพรัฐบาลกำลังง่อนแง่น พล.อ.ประวิตรตอบสั้นๆว่า “ผมก็มองตรงข้ามสิ”

“ลุงตู่” สะดุดหัวบันไดกลาโหม

ต่อมาเวลา 14.00 น. ที่ห้องภาณุรังษี กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการสภากลาโหม หลัง ประชุมเสร็จระหว่างเดินลงมาจากศาลาว่าการกระทรวงกลาโหมได้สะดุดบันไดเล็กน้อย ก่อนจะหันไปพูดกับผู้สื่อข่าวว่า “ใจไปก่อนเท้า บางทีใจร้อนเดินเร็วไป ใจมันไปข้างหน้าแล้ว สมองคิดหลายเรื่อง” เมื่อถามถึงความชัดเจนการยุบสภาหลังแก้กฎหมายเสร็จ นายกฯตอบว่า ไม่มีๆยังไม่มีการยุบสภา สุดแล้วแต่สถานการณ์ เราอยู่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ เพราะบ้านเมืองมีปัญหาเยอะแยะที่ต้องแก้ไข หัวใจสำคัญคือการดูแลผู้มีรายได้น้อย ต้องแก้ทั้งระบบให้ได้ เพราะนายกฯมี 2 บทบาท คือการอนุมัติงบฯ การจัดทำแผนงานโครงการที่ต้องรักษาเสถียรภาพการเงินการคลังไปด้วย เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายทุกประการอย่างระมัดระวัง

ซ้ำอีกดอกหัวโขกขอบประตูรถ

เมื่อถามว่าจะไปร่วมกระชับมิตรพรรคร่วมรัฐบาลวันที่ 3 ธ.ค. หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า หากเชิญแล้วไปได้ก็จะไป ส่วนที่หัวหน้าพรรคเพื่อไทยมองว่าเสถียรภาพรัฐบาลง่องแง่นนั้น ถามว่าง่อนแง่นตรงไหน วิเคราะห์ไปเอง เมื่อถามว่าตั้งใจจะอยู่ให้ครบเทอมหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์พยักหน้าพร้อมกล่าวว่า จะอยู่ครบเทอม เมื่อถามว่างานวันที่ 3 ธ.ค.จะมีเซอร์ไพรส์อะไรหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์หยุดฟังคำถาม ก่อนจะก้มลงเข้าไปนั่งในรถ แต่ศีรษะไปโขกขอบประตูรถเบนซ์ พล.อ.ประยุทธ์จึงเอามือลูบไปที่ศีรษะพร้อมกล่าวว่าไม่มีเซอร์ไพรส์ เมื่อถามย้ำว่า ประชาชนอยากทราบความชัดเจนว่าจะอยู่กับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ จะไม่ไปพรรคสำรองใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “นี่ไงชัดเจนแล้ว ยังไม่ไปที่ไหน ไปฟังลุงป้อมแล้วกัน”

“ชลน่าน” ปัดบิ๊กเนมไหลกลับ

ที่รัฐสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวมีบิ๊กเนมจากพรรคพลังประชารัฐย้ายกลับมาพรรคเพื่อไทยว่า ไม่ติดว่าจะเป็นพรรคพลังประชารัฐ หรือพรรคใดที่จะย้ายมาอยู่พรรคเพื่อไทย แต่เข้ามาแล้วจะอยู่ในฐานะไหน จะได้เป็นผู้สมัครหรือไม่ อยู่ในกระบวนการพิจารณาตามแนวทางที่พรรควางระบบไว้ แต่ยังไม่เคยได้ยินเรื่องนี้ เมื่อถามว่ามีมาพูดคุยแล้วใช่หรือไม่ นพ.ชลน่านตอบว่า ที่มาคุยกับตนโดยตรงไม่มี แต่อาจมีการ ไปพบปะกรรมการโซน หากมีระดับบิ๊กเนมไหลกลับเข้าพรรค ก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้เป็นผู้สมัคร ทุกอย่างต้องเข้าสู่กระบวนการพรรค หากไม่ทำจะมีปัญหา ต้องมีหลักอธิบายได้ ไม่ใช่ได้ 1 แล้วหาย 10

“โทนี่” เหน็บ “ลุงตู่” ถนัดนั่งชิงช้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 20.00 น. ของวันที่ 23 พ.ย. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ร่วมสนทนาในรายการ “CARE Talk x CARE ClubHouse ครั้งที่ 21 ตอนโควิดก็ยุ่งเหยิง เศรษฐกิจก็รุ่งริ่ง ถามจริง! เผด็จการเขาแก้ปัญหากันแบบนี้เหรอ?” มีช่วงหนึ่งที่กล่าวถึงพรรคใหม่ของ “2 ป.” ว่า “ไทยสร้างสรรค์ ชื่อคล้ายๆไทยสร้างไทยอยู่นะครับ” ได้ข่าวว่าคนตั้งพรรคไทยสร้างสรรค์ คือปลัดฉิ่ง (นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย) เมื่อถูกถามว่ามีนักข่าวไปถามนายกฯเรื่องนี้ แต่นายกฯเงียบ นายทักษิณตอบว่า โดยกฎหมายบอกว่า การนิ่งเฉยถือเป็นการยอมรับ “ท่านถนัดขึ้นชิงช้า คือให้คนโล้ให้ แล้วนั่งชิงช้า ไม่ค่อยถนัดทำเองหรอก สมมติว่าพรรคไทยสร้างสรรค์ พลังประชารัฐ ต่างคนต่างทำไป ไม่รู้ว่า 2 พรรคเสนอชื่อนายกฯคนเดียวกันได้หรือเปล่า ถ้าตั้งใหม่ มันน่าจะเหนื่อยหน่อย เพราะ brand awareness คือความรับรู้ของชื่อพรรคยังไม่สูงนัก สุดท้ายการเลือกตั้ง เสน่ห์ของผู้นำพรรคก็มีส่วน ต้องได้ผู้นำที่มีเสน่ห์

ออกนโยบายต้องฟัง ปชช.ด้วย

นายทักษิณยังกล่าวถึงการเตรียมนโยบายไว้หาเสียงของพลังประชารัฐว่า ความจริงประชาชนเขาไม่เชื่อแต่ต้น เพราะเคยสัญญาว่าจะอยู่ไม่นาน และทุกพรรคหากจะเสนออะไร ขอให้รักษาคำพูด ระบอบประชาธิปไตยต้องยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ถ้าไม่แน่ใจอย่าเพิ่งพูด ถ้ามั่นใจพูดแล้วทำเลย หลักของตนใช้วิธีว่านโยบายอะไรที่น่าจะดีกับประชาชน คิดไว้ในใจก่อนแล้วไปถามประชาชน ใช้วิธีโฟกัสกรุ๊ป สมมติเกี่ยวกับเรื่องของเกษตร ก็ไปเจอกับพวกเกษตรกรบ้าง ไปนั่งคุยว่าชอบไหม เขาเสนอมาเราก็ปรับแก้ ประกาศเป็นนโยบาย คือต้องจากความคิดเราและเขา นโยบายตอนนี้พรรคเพื่อไทยน่าจะทำคล้ายๆกัน “ตอนหาเสียงช่วย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เขาบอกว่าทำไงดี คู่แข่งซื้อเสียงหนักมาก ผมเลยบอกว่า พี่น้องใครเอาตังค์มาให้ รับไว้นะ ตังค์พวกเราทั้งนั้น ถ้าให้น้อยก็ขอเพิ่มนะ ได้แล้วอย่าเลือกนะ ต้องเลือกเพื่อไทยเท่านั้น มีเขตหนึ่ง ส.ส.โนเนม ชนะรัฐมนตรีที่นั่งอยู่ในตำแหน่ง”

ทีม ศก.พท.ถกทูตออสเตรเลีย

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คณะทำงานเศรษฐกิจของพรรค ได้เข้าพบกับ H.E.Allan McKinnon เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย และคณะ ตามคำเชิญของสถานทูตออสเตรเลีย เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นด้านเศรษฐกิจและการเมือง มีการพูดถึงนโยบายเศรษฐกิจของพรรค ที่จะต้องปรับเปลี่ยนแนวทางที่แตกต่างกับแนวทางรัฐบาลปัจจุบัน ให้ทันสมัยตามการเปลี่ยนแปลงของโลก และจะมีผู้นำพรรคเป็นคนรุ่นใหม่มาบริหารจัดการ มุ่งเน้นการสร้างเศรษฐกิจ ธุรกิจ เทคโนโลยีสมัยใหม่ พัฒนาการเกษตร พัฒนาการค้าและการลงทุน และความร่วมมือระหว่างไทยกับออสเตรเลีย นอกจากนี้ ยังแสดงความเห็นถึงทิศทางการเมืองไทยหลังการเลือกตั้ง โดยคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเชื่อว่าจากความล้มเหลวในการบริหารประเทศโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ซ้ำเติมด้วยวิกฤติโควิด และจะมีการเลือกตั้งภายใต้กติกาใหม่บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ทำให้เชื่อได้ว่าโอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะได้รับการไว้วางใจจากประชาชนให้บริหารประเทศเป็นไปได้สูง

“วิษณุ” ให้พรรคการเมืองไปว่ากัน

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงร่างแก้ไขกฎหมายลูกเกี่ยวกับการเลือกตั้ง 2 ฉบับ ของกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ยังมีความเห็นต่างเกี่ยวกับการใช้เบอร์เดียวทั่วประเทศกับแยกเบอร์รายเขต ว่า สภาคงต้องคุยกัน ตามร่างของ กกต. เป็นการใช้เบอร์เดียวทั่วประเทศ อาจไปเข้าทางบางพรรค และไม่เข้าทางบางพรรค ยังมองไม่ออกเรื่องได้เปรียบเสียเปรียบ แต่คนที่เขามองออกเห็นว่าทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบ แต่ความจริงแล้วมันคือความสะดวกในการจดจำ ส่วนคนที่ชำนาญการเลือกตั้งอาจมองอย่างอื่น กลายเป็นเรื่องพรรคใหญ่ พรรคเล็ก พรรคเก่า พรรคใหม่ ต้องไปคุยกันเอง เพราะเป็นเรื่องชิงไหวชิงพริบทางการเมือง แต่สิ่งที่รัฐบาลเป็นห่วงคือ เรื่องตารางเวลา ได้คุยกับวิปรัฐบาลว่ารัฐบาลจะเป็นเจ้าภาพให้ กกต.กับพรรค การเมืองได้คุยกันเพื่อให้การพิจารณากฎหมายในสภาเร็วขึ้น

คาด ก.ม.ลูกประกาศใช้ ก.ค.65

เมื่อถามว่านักวิชาการมองว่ากฎหมายลูกเสร็จแล้ว เป็นเวลาที่เหมาะสมในการยุบสภา นายวิษณุตอบว่า ยังไม่รู้ว่าจะแก้กฎหมายลูกเสร็จเมื่อไหร่ อีกทั้งกฎหมายลูกไม่เหมือนกฎหมายอื่น ที่สภาพิจารณาเสร็จคือเสร็จ แต่กฎหมายลูกพอสภาพิจารณาเสร็จต้องส่งไปยังองค์กรที่เกี่ยวข้อง กรณีนี้คือ กกต. มีกรอบเวลากำหนด ต้องแก้ตาม กกต. ตรงนี้รัฐบาลพร้อมออกพระราชกฤษฎีกาขอเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญให้ เมื่อเสร็จเรียบร้อยก็นำขึ้นทูลเกล้าฯถวาย เคยคิดไทม์ไลน์ว่ากฎหมายลูกจะมีการประกาศใช้ช่วงเดือน ก.ค.2565 เพราะคิดว่าเปิดสภาสมัยวิสามัญช่วงเดือน เม.ย.2565 จากนั้นก็ทูลเกล้าฯถวาย กรอบเวลา 90 วัน จะอยู่ที่ประมาณเดือน ก.ค. นี่คือการคิดเวลายาวที่สุดไว้ก่อน แต่ถ้าโปรดเกล้าฯลงมาก่อน กรอบเวลาก็จะเร็วขึ้น เคยบอกใน ครม.ว่าถ้ากฎหมายลูกประกาศใช้ จะมีการกดดันให้ยุบสภา รัฐบาลต้องเตรียมรับมือทางการเมืองเอง

พรรค รบ.พร้อมยื่นร่างฯประกบ

นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รองประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดทำร่างแก้ไข พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่างแก้ไข พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ว่า วิปรัฐบาลเห็นว่าควรรวมกันเสนอเป็นร่างเดียว เพื่อให้เกิดความเป็นเอกภาพที่สำคัญต้องดำเนินการให้เสร็จภายใน 180 วัน โดยวิปรัฐบาลตั้งคณะทำงานเพื่อเตรียมการยกร่างแล้ว เน้นประเด็นสำคัญให้เป็นไปตามการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับบัตรเลือกตั้ง 2 ใบเท่านั้น ส่วนประเด็นที่เป็นการทำงานของ กกต. ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่ง คาดว่าภายในเดือน ธ.ค.นี้ น่าจะเสนอต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้

ตัดไพรมารีโหวตล้างซาก คสช.

เมื่อถามถึงเรื่องไพรมารีโหวต พรรคร่วมรัฐบาลจะเสนอปรับแก้อะไรบ้าง นายชินวรณ์ตอบว่า มีความคิดเห็นร่วมกันว่าควรส่งเสริมให้พรรคการเมืองสามารถหาสมาชิกพรรคได้ง่ายขึ้น คือไม่จำเป็นต้องเก็บค่าธรรมเนียมในการเข้าเป็นสมาชิก หรือหากจำเป็นต้องเก็บขอให้น้อยที่สุด แก้ไขเรื่องการจัดทำไพรมารีโหวตที่รัฐธรรมนูญ 60 ร่างขึ้นมาโดยคนที่ไม่ได้เป็นนักการเมือง หากอยากให้มีพรรคการเมืองเข้มแข็ง ควรให้อำนาจพรรคมีส่วนร่วมกับประชาชน เพราะระบบไพรมารีโหวตเป็นระบบของซากรัฐธรรมนูญปี 60 ตามคำสั่ง คสช.ในบทเฉพาะกาลเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้จริง เป็นหลักคิดที่ผิด ที่พื้นฐานไม่ได้ส่งเสริมให้พรรคการเมืองเข้มแข็ง สร้างขึ้นมาโดยไม่จำเป็นและปฏิบัติไม่ได้จริง ไม่ได้มีส่วนร่วมอย่างจริงจัง

“ไพบูลย์” แกว่งปากทำสภาฯวุ่น

ช่วงสายที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม ทั้งนี้ ก่อนเข้าสู่วาระการ ประชุม นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เสนอเลื่อนวาระการประชุมให้นำญัตติเสนอตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร เพื่อหาแหล่งรายได้ใหม่จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศ มาพิจารณาก่อน แต่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย คัดค้านเห็นว่าไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน แต่ในที่สุดที่ประชุมเสียงข้างมากโหวตเห็นชอบให้เลื่อนญัตติดังกล่าวขึ้นมาพิจารณาก่อน ทำให้ ส.ส.ฝ่ายค้านแสดงความไม่พอใจ ที่ฝ่ายรัฐบาลมักใช้วิธีเสนอญัตติเร่งด่วนเข้ามาแทนวาระปกติอยู่บ่อยๆ ทำให้นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค พปชร. โพล่งกลางที่ประชุมว่า ขอให้เปิดเผยรายชื่อ ส.ส.ที่ไม่ยอมเข้าประชุม ที่ส่วนใหญ่เป็นฝ่ายค้าน ทำให้ ส.ส.ฝ่ายค้านไม่พอใจพากันประท้วง จนบรรยากาศภายในห้องเกิดความวุ่นวาย มีผู้ตะโกนดังลั่นว่า “คนชื่อไพบูลย์มันแย่ๆจริง”

ฝ่ายค้านตีจุดอ่อนนับองค์ประชุม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างนั้นนายชวนพยายามไกล่เกลี่ยให้นายไพบูลย์ถอนคำพูดกล่าวหาฝ่ายค้าน ซึ่งนายไพบูลย์ยอมถอน แต่ ส.ส.ฝ่ายค้านยังคงไม่พอใจ นายจุลพันธ์ยืนยันว่าฝ่ายค้านอยู่ในห้องประชุมตลอดตั้งแต่เช้ายันเย็น เมื่อกล่าวหากันเช่นนี้ขอเสนอญัตตินับองค์ประชุมโดยการขานชื่อ แม้นายชวนขอให้ถอนญัตติ ระบุว่านายไพบูลย์ถอน ขณะที่นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นายไพบูลย์พูดหมิ่นฝ่ายค้านมาหลายครั้ง ทำให้ถูกประชาชนมองในทางที่ผิดแค่ถอนคำพูดไม่พอต้องไปนั่งหน้าบัลลังก์เอาดอกไม้มากราบขอโทษแล้วจะบอกนายจุลพันธ์ถอนญัตติให้

วิป รบ.รับปากจะไม่ให้ป่วนอีก

ขณะที่นายนิโรธ สุนทรเลขา ประธานวิปรัฐบาล แย้งว่าไม่มีระเบียบข้อบังคับระบุให้นับองค์ประชุมโดยการขานชื่อ พร้อมเสนอญัตติให้นับองค์ประชุมโดยวิธีเสียบบัตร ยิ่งทำให้เกิดความวุ่นวายหนักยิ่งขึ้น ฝ่ายค้านพากันประท้วงสิ่งที่นายนิโรธเสนอ สองฝ่ายถกเถียงกันกว่า 20 นาที กระทั่งนายนิโรธเสนอพักประชุม 10 นาที ให้วิปสองฝ่ายไปเคลียร์ข้อขัดแย้งกัน เมื่อกลับมาประชุมอีกครั้ง นายจุลพันธ์กล่าวขอบคุณประธานวิปรัฐบาล ที่รับปากจะไม่ให้มีการกระทบ กระทั่งกันอีก ต่อมาที่ประชุมจึงเริ่มนับองค์ประชุมด้วยการขานชื่อ ซึ่ง ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลเร่งระดมคนเข้ามาในห้องประชุมแสดงตน ผลการนับองค์ประชุมมีผู้แสดงตน 264 เสียง ถือว่าเกินกึ่งหนึ่ง

โยนบาปฝ่ายค้านไม่แสดงตน

นายไพบูลย์ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า การตรวจองค์ประชุมต้องตรวจทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล การแสดงตนเป็นหน้าที่ ส.ส.ทุกคน การใช้วิธีนับองค์ประชุมตลอดแต่ไม่อยู่ร่วมแสดงตน เพื่อป่วน ส.ส. ฝ่ายรัฐบาล เป็นการไม่ปฏิบัติหน้าที่ ควรตระหนักว่าฝ่ายค้านต่างหากที่มาประชุมน้อย แต่จะไม่ร้องเอาผิดฝ่ายค้านเรื่องนี้ แต่เป็นห่วงการใช้วิธีแบบนี้ เพราะไม่สง่างาม ดูน่าเกลียด อย่าโยนเป็นการทำหน้าที่ ส.ส.รัฐบาลฝ่ายเดียว

“ตู่” สั่ง รมต.กระชับสัมพันธ์ ส.ส.

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงกรณีนายกฯแสดงความเป็นห่วงเรื่ององค์ประชุมสภาที่ล่มบ่อยว่า นายกฯกำชับว่าวันพุธ-พฤหัสบดี รัฐมนตรีคนไหนว่างก็แวะไปที่สภาบ้าง ไม่ว่ารัฐมนตรีที่เป็น ส.ส. หรือไม่เป็น ส.ส. แม้ว่าไม่มีเรื่องของตัวแต่เป็นโอกาสได้พบปะใครต่อใคร มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันได้ ท่านพูดไว้นานแล้ว

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวถึงกระแสข่าวมีการกำชับ ส.ส. ให้อยู่ร่วมประชุมสภาฯเพื่อกันองค์ประชุมล่ม แล้วให้สรุปรายชื่อ ส.ส.ที่เข้าร่วมประชุมส่งมาให้ดูว่า ก็กำชับทุกที บอกไปแล้ว ส่วนเหตุการณ์ในสภาวันนี้ ถือเป็นเรื่องของสภา

“กล้า” โวย ขรก.การเมืองรับไอโฟน

อีกเรื่อง นายแสนยากรณ์ สิงห์วีรธรรม โฆษกพรรคกล้า กล่าวถึงกรณีสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จัดซื้อโทรศัพท์มือถือ iPhone 12 จำนวน 111 เครื่อง วงเงิน 2.68 ล้านบาท แจก ครม.และข้าราชการระดับสูง ว่า เข้าใจได้ถึงความจำเป็นในภารกิจ และเครื่องเดิมที่ใช้อยู่เริ่มชำรุด แต่บุคคลที่จะได้โทรศัพท์ส่วนใหญ่เป็นระดับผู้อำนวยการ อธิบดี ข้าราชการการเมือง ไปจนถึงรัฐมนตรี มีเงินเดือนสูง มีโทรศัพท์มือถือใช้กันอยู่แล้วทุกคน ควรประกาศไม่รับโทรศัพท์เช่นเดียวกับนายกฯ และลดจำนวนการจัดซื้อให้เหลือ เท่าที่จำเป็น แต่ละคนเงินเดือนสูงๆทั้งนั้น โดยเฉพาะข้าราชการการเมือง อย่างโฆษกรัฐบาล หรือรองโฆษกฯ และหลายคนน่าจะมี iPhone 13 กันอยู่แล้ว นึกแล้ว เสียดายภาษีประชาชน เป็นบทเรียนให้สังคมเห็นว่า ยังมีการจัดซื้อที่เกินความจำเป็น

กระจกเงาขอรับบริจาคจาก สลน.

วันเดียวกัน เพจมูลนิธิกระจกเงาโพสต์ขอรับบริจาคโทรศัพท์ 111 เครื่อง ที่สำนักเลขาธิการนายก รัฐมนตรีจะไม่ได้ใช้งานแล้ว ระบุว่า ขอรับบริจาคเพื่อเด็กยากไร้ ได้เรียนออนไลน์ มูลนิธิกระจกเงามีครอบครัวยากจนอีกจำนวนมาก บางครอบครัวเด็กเรียนไม่ทันเพื่อน บางครอบครัวเด็กหลุดออกจาก ระบบการศึกษา เพราะพิษเศรษฐกิจขณะนี้ ดังนั้นเพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระให้ผู้ปกครองที่อยู่ในสถานการณ์ ขัดสน มูลนิธิกระจกเงาขอรับบริจาคโทรศัพท์เครื่องเก่า ของผู้บริหารทั้ง 111 ท่าน เพื่อให้เด็กในครอบครัวยากไร้ 111 ราย มีโอกาสเข้าถึงอุปกรณ์การเรียน เพื่อประสิทธิภาพทางการศึกษาที่ดีขึ้น หากสนใจร่วมบริจาค สามารถส่งเครื่องเก่ามาได้ที่มูลนิธิกระจกเงา

“นัทรียา” บอกให้ทำหนังสือมา

ด้าน น.ส.นัทรียา ทวีวงศ์ ที่ปรึกษานายก รัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ กล่าวว่า กระบวนการจัดซื้อโทรศัพท์เคลื่อนที่ของ สลน. เป็นการจัดซื้อครุภัณฑ์เช่นเดียวกับซื้อคอมพิวเตอร์ ส่วนใหญ่ให้ เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติงาน เพื่อประสานงานส่งข่าวให้สื่อมวลชน ประสานงานวิปรัฐบาล ถือเป็นความจำเป็นที่เจ้าหน้าที่ต้องใช้ อีกส่วนแจกให้กับผู้ใหญ่ที่เข้ามาทำงาน อย่างข้าราชการการเมือง เช่น นายกฯ คณะโฆษกประจำสำนักนายกฯ แต่หลายคนก็ไม่รับ ไม่ว่าจะจัดซื้อยี่ห้อใดได้พิจารณาอย่างรอบคอบ ยึดเรื่องการใช้งานเป็นหลัก และมีการสอบถามเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ ว่าอยากได้ยี่ห้อใด รุ่นไหน ส่วนที่ทางมูลนิธิ กระจกเงาแสดงความประสงค์ขอรับบริจาคมา สลน. ยินดีให้การสนับสนุน ขอให้ส่งหนังสือแสดงความประสงค์ มาที่ สลน. จะได้ดำเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบ

ตร.คุมเข้มโค้งท้ายเลือกตั้ง อบต.

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า กำชับตำรวจทุกพื้นที่เข้มงวดช่วงโค้งสุดท้าย ก่อนการเลือกตั้ง อบต. วันที่ 28 พ.ย. ให้ตั้งจุดตรวจจุดสกัด จัดชุดเคลื่อนที่เร็วออกตรวจตามจุดเสี่ยง ป้องปรามเหตุอาชญากรรม ทั้งคดีอาวุธปืน ยาเสพติด และกฎหมายอื่น โดยเฉพาะจังหวัดที่มีแนวโน้มการแข่งขันสูง ในพื้นที่ บช.ภ.8 และ บช.ภ.9 รวมถึง บช.ภ.7 และ บช.ภ.2 แต่จากการประเมินด้านการข่าว ยังไม่พบสัญญาณบ่งชี้เหตุรุนแรง ไม่พบความเคลื่อนไหวของกลุ่มซุ้มมือปืน รวมทั้งยังไม่มีพื้นที่ใดร้องขอกำลังรักษาความปลอดภัยตัวบุคคลเป็นพิเศษ ตำรวจจะเฝ้าระวังการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง และความผิดอื่นต่อเนื่องจนกว่าการเลือกตั้งจะแล้วเสร็จ

โตโต้เลื่อนนัดอัยการอ้างป่วย

ที่สำนักงานอัยการสูงสุด นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 นัดนายปิยรัฐ จงเทพ “โตโต้” ฟังคำสั่งคดีถูกกล่าวหาว่าผิดตาม ป.อาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กรณีโพสต์ผ่านสื่อออนไลน์เมื่อวันที่ 31 ธ.ค.2563 แต่นายปิยรัฐไม่มา ให้ทนายโทร.มาประสานขอเลื่อนไปก่อน อ้างว่าป่วย จึงแจ้งกลับไปว่าต้องยื่นคำร้องพร้อมกับแนบใบรับรองแพทย์ว่าป่วยจริง หากไม่ดำเนินการตามขั้นตอน พนักงานอัยการอาจมองว่าเป็นการประวิงคดี ไม่มีเหตุผลสมควร ถ้ากรณีอย่างนี้อาจไม่ให้เลื่อน โดยจะแจ้งพนักงานสอบสวนให้ออกหมายจับ เพื่อนำตัวมาฟังคำสั่งพนักงานอัยการต่อไป

ย้ายที่ขัง “เพนกวิน-ไมค์-แซม”

นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และโฆษกกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า ผู้ชุมนุมที่ถูกควบคุมอยู่ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง 2 คน ได้แก่ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล “รุ้ง” และ น.ส.เบนจา อะปัญ ทั้งคู่สุขภาพทั่วไปปกติ ส่วนกรณีศาลธัญบุรีมีคำสั่งนัดไต่สวนคำร้อง และฟังคำสั่งคดีละเมิดอำนาจศาล มีผู้ถูกกล่าวหา 3 ราย คือนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ “เพนกวิน” นายภาณุพงศ์ จาดนอก “ไมค์ ระยอง” และนายแซม สาแมท ที่ถูกควบคุมตัวอยู่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ในคดีอื่นอยู่แล้ว ถูกเจ้าหน้าที่เรือนจำนำตัวทั้ง 3 ราย ย้ายไปกักขังยังสถานกักขังกลางจังหวัดปทุมธานี 10 วัน ตามคำสั่งศาลธัญบุรี ขณะที่นายจตุภัทร บุญภัทรรักษา “ไผ่ ดาวดิน” และนายอานนท์ นำภา ยังถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร

ที่มา : https://www.thairath.co.th/