แฉพฤติการณ์แก๊งเหลือบไร ฮั้วเจ้าหน้าที่ขี้ฉ้อ ขนแรงงานเถื่อน ต้นเหตุโควิดระบาด

แชร์

Loading

  • หนึ่งในปัญหาสะท้อนผ่านสถานการณ์โควิดระบาดรอบสอง คือ ความหละหลวมในการเปิดรับแรงงานต่างด้าวกลับเข้ามาทำงาน
  • หากดูแลชายแดนอย่างจริงจัง และเข้มงวดตามกฎหมายป้องกันการลักลอบขนแรงงานผิดกฎหมายเข้ามา และไม่มีพวก “ผีพนัน” ก็จะไม่เกิดซุปเปอร์สเปรดเดอร์ อีกรอบ
  • สร้างความเสียหาย ก่อให้เกิดความสูญเสียทางด้านทรัพยากรในการควบคุมการระบาด และเกิดการสูญเสียทางเศรษฐกิจมูลค่ามหาศาลหลายแสนล้านบาท

“ดร.ยงยุทธ แฉล้มวงษ์” ผู้อำนวยการวิจัยนโยบายทรัพยากรมนุษย์ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือทีดีอาร์ไอ ระบุ การระบาดของ “โควิด” รอบใหม่ จะทำให้สถานการณ์การว่างงานหนักกว่าการระบาดครั้งที่แล้ว เนื่องจากการผ่อนคลายมาตรการในเดือน ม.ค. ยังไม่มีผลอะไรมากที่เอื้อต่อเศรษฐกิจ ซึ่งจะทำให้คนว่างงานเพิ่มขึ้นชัดเจน จากการที่ธุรกิจชะลอตัวไปทั้งหมด น่าจะมีคนตกงานใกล้ๆ 1 ล้านคน ในช่วง 3 เดือนแรก จากเดิมที่เคยประเมินไว้ 7 แสน 5 หมื่นคน
“คนทำธุรกิจที่สายป่านขาดแล้ว โดยเฉพาะเอสเอ็มอีจะแย่หนัก เมื่อมาเจอโควิดรอบสอง ทุนหมดไม่มีเงินเปิดกิจการ ก็ต้องปิดตัวลง ทำให้ลูกจ้างจำนวนมากไม่มีงาน ต้องรอว่าวันใดนายจ้างจะเรียกกลับมาทำงาน หรือทำงานแค่ 4 ชั่วโมงต่อวัน มีจำนวนเพิ่มขึ้นเกือบ 3 ล้านคน ทำให้รายได้ไม่เท่าเดิม รัฐต้องเข้าไปช่วยเหลือให้มีกินมีใช้ และทำได้เฉพาะไตรมาสแรก หรือเพียง 2 เดือน เพราะเงินไม่พอ ยกเว้นไปกู้มาอีก เพราะโควิดไม่จบง่ายๆ มีการระบาดคลัสเตอร์ใหญ่ในกลุ่มแรงงานต่างด้าว ต้องตรวจหาเรียงหน้ากระดาน”

แฉขบวนการเหลือบไร แรงงานเถื่อน โกยเงินจนร่ำรวย

ส่วนต้นเหตุการระบาดของโควิดครั้งนี้ มาจากการลักลอบขน “แรงงานเถื่อน” เป็นกลุ่มพวกเหลือบไรในกิจการที่ต้องจ้างต่างด้าว ซึ่งเป็นขบวนการใหญ่ทำมานานในช่วง 10 ปี จนร่ำรวยในเวลาอันรวดเร็ว ยิ่งกฎหมายเข้มงวดมาก ยิ่งทำให้ค่าตัวต่างด้าวที่จะเข้ามาไทยก็แพงขึ้น จาก 1 หมื่นบาท ขยับมา 3 หมื่นบาท

เพราะฉะนั้นเมื่อนายจ้างจะทำธุรกิจอะไรบางอย่างที่ใช้แรงงานต่างด้าว ต้องยอมจ่ายค่าดำเนินการให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ กระทั่งโควิดระบาด เรื่องจึงแดงขึ้นมา ซึ่งแต่ก่อนสามารถหลบซ่อนทำได้ แต่เมื่อเรื่องแดงออกมา จึงมีการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าว 2 แสนกว่าคนให้เรียบร้อย นำขึ้นจากใต้ดินมาบนดิน มีการนิรโทษกรรมแบบไม่สมบูรณ์ ให้เป็นศูนย์ทั้งหมด ซึ่งควรมีความโปร่งใสที่สุด แต่ขั้นตอนเงื่อนไขต่างๆ ยังต้องผ่านหลายกระทรวง สุดท้ายต้องพึ่งพวกเหลือบไรดำเนินการให้

สรุปแล้วการทุจริตที่เกี่ยวข้องกับแรงงานต่างด้าว แยกเป็น 2 รูปแบบ คือ 1.ผ่านขั้นตอนที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ต้องจ่ายค่านายหน้าให้อำนวยความสะดวก รวมเบ็ดเสร็จประมาณ 3 หมื่นบาท ถูกแบ่งให้เจ้าหน้าที่ทั้ง 2 ฝั่ง ทั้งๆ ที่ค่าดำเนินการอยู่ที่ 1 หมื่นบาท

รูปแบบที่ 2.เป็นกลุ่มลักลอบขนแรงงานต่างด้าวกลุ่มเล็กๆ ไม่ถูกกฎหมาย เพื่อชดเชยแรงงานที่ขาดหายไป ซึ่งต่างด้าวกลุ่มนี้จะเข้าๆ ออกๆ ประเทศ ผ่านนายหน้าให้เป็นผู้พามา โดยจ่ายเบี้ย 6 พันบาทต่อหัว และเมื่อโควิดระบาดหนัก ค่าเบี้ยต่อหัวได้ขยับแพงมากขึ้น

หละหลวมปล่อยปละ เจ้าหน้าที่เห็นแก่ได้ เสียหายมหาศาล

ที่ผ่านมาเคยส่งสัญญาณในขณะที่สถานการณ์โควิดในไทยเริ่มดีขึ้นเมื่อช่วงเดือน ส.ค.2563 ให้รัฐบาลเตรียมความพร้อมรับมือปัญหาแรงงานบางส่วนที่กลับมาจากประเทศเพื่อนบ้าน และถ้าดูแลไม่ดีจะทำให้เกิดการระบาดของโควิดรอบสอง ทั้งเรื่องสุขอนามัย ความแออัดในการพักอาศัยร่วมกัน รวมถึงความรับผิดชอบของผู้นำแรงงานเข้ามาทำงาน

ข้อเสนอครั้งนั้นได้ย้ำให้เจ้าหน้าที่รัฐ ระมัดระวังการลักลอบเข้ามาทำงานของแรงงานต่างด้าว โดยไม่ผ่านการตรวจโควิด และเตรียมพร้อมรับการกักตัวแรงงาน โดยหาแนวทางจูงใจให้นายจ้างมีพื้นที่กักตัวลูกจ้าง ก่อนนำเข้าแรงงานกลับเข้ามาทำงาน แต่ต้องไม่สร้างภาระแก่นายจ้างมากเกินไป โดยลดค่าดูแลกักตัวลูกจ้างจากประมาณ 1,600 บาท เหลือประมาณ 1,000 บาทต่อคนต่อวัน และให้คู่สามีภรรยาอยู่ด้วยกันได้

ที่ผ่านมามีการตั้งพื้นที่กักกันโรค บริเวณชายแดนภาคใต้ แต่สำหรับค่าดูแล ยังไม่มีข้อมูลว่าทางราชการได้มีการนำข้อเสนอแนะไปพิจารณาหรือไม่ กระทั่งไตรมาสสุดท้ายของปี 2563 ก็เกิดความหละหลวม ปล่อยให้มีการลักลอบเข้ามาทำงานของแรงงานต่างด้าว โดยไม่ผ่านการตรวจโควิด กลายเป็นจุดเริ่มเกิดการระบาดอย่างรุนแรง ในเขตที่มีแรงงานต่างด้าวอยู่อย่างหนาแน่น คือ จ.สมุทรสาคร รวมไปถึงการลักลอบข้ามแดนของกลุ่มคนทำงานในสถานบันเทิง และผู้เล่นพนันในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ส่งผลลุกลามมาจนถึงทุกวันนี้

“ถ้าดูแลชายแดนอย่างจริงจังกว่านี้ มีความเข้มงวดจริงจังปฏิบัติตามกฎหมายทั้งกับนายจ้าง และนายหน้าเถื่อน ผู้นำแรงงานผิดกฎหมายเข้ามา และถ้าไม่มีพวกผีพนัน ก็จะไม่เกิดซุปเปอร์สเปรดเดอร์อีกรอบ เป็นปัญหาให้เกิดความสูญเสียทางด้านทรัพยากรในการควบคุมการระบาด และทางเศรษฐกิจมูลค่ามหาศาลหลายแสนล้านบาท”

ธุรกิจสีเทา จับมือผู้ดูแลก.ม. จนเรื่องแดง เพราะโควิด

ปัญหาการระบาดโควิดรอบนี้ เกิดขึ้นทั้งในส่วนกลุ่มที่ทำธุรกิจสีเทา หรือธุรกิจใต้ดิน ที่อาศัยนายหน้าเถื่อน ซึ่งเป็นคนต่างด้าว และผีพนันคนไทย ที่ไม่ใช้ช่องทางทำสัมมาอาชีพตามปกติ และจากความเห็นแก่ได้ของเจ้าพนักงานและผู้บังคับใช้กฎหมายที่สมประโยชน์ร่วมด้วย ทำให้เกิดช่องโหว่การระบาดอย่างรุนแรงในรอบสอง

ประเด็นแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย เป็นเรื่องที่เกิดในสภาวะ “ตบมือข้างเดียวไม่ดัง” มีนายจ้างบางคนยอมเสี่ยงใช้คนผิดกฎหมายมาทำงาน เพื่อแลกกับค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าการนำเข้าตามปกติ ซึ่งมีต้นทุนไม่ต่ำกว่า 3-4 หมื่นบาทต่อคน ต่อการเข้ามาทำงาน 2 ปี คือจ่ายเพียงประมาณ 6,000-10,000 บาทต่อคน และไม่ต้องจ่ายค่าตรวจโรค ค่าใบอนุญาตทำงาน (Work permits) ค่าประกันสังคม ขณะที่แรงงานต่างด้าวเองไม่ต้องจ่ายเงินค่านายหน้าหลายหมื่นบาท

“ธุรกิจสีเทาสนับสนุนแรงงานผิดกฎหมาย เกิดจากตัวกลาง 2 ฝ่าย คือ นายหน้าเถื่อน และเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลกฎหมายในทุกระดับ ถ้าไม่เกิดการระบาดของโควิดอีก คงไม่มีปัญหาอะไร ทุกฝ่ายได้รับประโยชน์ปิดเงียบ แต่คราวนี้เรื่องมาแดง ตรงที่คนต่างด้าวผิดกฎหมายลักลอบเข้ามาอยู่ปนเปกับเพื่อนฝูง ญาติพี่น้องอย่างแออัด ขาดสุขอนามัยในชุมชน ต่างด้าวนำเอาโควิดติดเข้ามาด้วย คาดว่าเป็นสายพันธุ์ใหม่ สามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว ทั้งในหมู่คนไทยที่เกี่ยวข้อง กับคนงานต่างด้าวที่ติดเชื้อมา”.

ผู้เขียน : ปูรณิมา

ที่มา : https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/2021936